Spread the love

ตัวอย่างแกะเครื่อง imac เปลี่ยน SSD Harddisk

5 เทคนิคสำคัญในการแก้ไขปัญหาและเพิ่มความเร็วให้เครื่อง Mac

แม้แต่เครื่อง Mac ก็ตาม การใช้งานคอมพิวเตอร์มาอย่างยาวนานย่อมส่งผลต่อความเร็วในการใช้งานที่ช้าลง ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยมักเป็นเรื่องของเนื้อที่จัดเก็บบนฮาร์ดดิสก์น้อย, มีแอพติดตั้งและใช้งานเยอะขึ้นเรื่อยๆ, ใช้แคชหรือไฟล์ Log พร้อมกันมากขึ้น, แรมน้อยไม่พอใช้, บราวเซอร์กินแคชและข้อมูลประวัติการท่องเว็บมากเกินไป, หรือใช้งานซีพียูมากขึ้น เป็นต้น

ซึ่งถ้าพบว่าเครื่องแมคของคุณเริ่มช้าลง, ค้างบ่อย, หรือทำงานผิดปกติ ก็น่าจะถึงเวลาที่ต้องล้างระบบใหม่ด้วยทูลที่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น

1. กรณีที่ฮาร์ดดิสก์เริ่มเต็ม
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเพิ่มเนื้อที่ว่างบนดิสก์กลับมาใหม่ ความเร็วเครื่องก็จะกลับมาอย่างมีนัยสำคัญด้วย แต่แค่กำจัดไฟล์เก่าที่ไม่ต้องการนั้นมักไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องคอยหาไฟล์อื่นที่สามารถลบออกได้อย่างปลอดภัยโดยไม่กระทบต่อการทำงานของระบบด้วย มีทูลในการล้างเครื่องแมคให้เลือกมากมาย เช่น Dr. Cleaner ที่ช่วยลบไฟล์ขยะ, ไฟล์ขนาดใหญ่, หรือไฟล์ที่ซ้ำกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การถอนการติดตั้งแอพหรือลบไฟล์นั้นมักจะยังเหลือแคชหรือไฟล์ขยะที่ล้างไม่เกลี้ยงไว้บนระบบ ซึ่งการใช้ทูลจำเพาะดังกล่าวจะช่วยกำจัดไฟล์ขยะเหล่านี้ได้ภายในคลิกเดียว

2. กรณีใช้โอเอสรุ่นเก่า
แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการรุ่นเก่ามักไม่เข้ากับแอพหรือเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกนำมาใช้บนเครื่องเรื่อยๆ จนทำให้ระบบช้าลง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมแอปเปิ้ลต้องออก OS X เวอร์ชั่นใหม่ทุกปี โดยรุ่นล่าสุดตอนนี้เป็น macOS High Sierra 10.13 บางคนคิดว่าโอเอสรุ่นใหม่มักใหญ่เทอะทะกว่าเดิม ทำให้เครื่องช้าลงมากกว่า ซึ่งไม่เป็นจริงเสมอไป และอย่ายอมแลกกับการปล่อยช่องโหว่ด้านความปลอดภัยให้แฮ็กเกอร์มาทึ้งเครื่องเล่นโดยไม่ยอมอัพเดต

3. โปรแกรมที่รันตอนเปิดเครื่องเป็นตัวถ่วงความเจริญ
พวกโปรแกรมสตาร์ทอัพทั้งหลายนอกจากรั้งเวลาเปิดเครื่องให้ช้าลงแล้ว ยังคอยแอบถลุงทรัพยากรประมวลผลในเบื้องหลังอย่างต่อเนื่องด้วย คุณสามารถไปที่ System Preferences > Users & Groupsแล้วคลิกชื่อผู้ใช้ของตัวเอง จากนั้นเลือก Login Itemsแล้วจัดการเคลียร์แอพที่คุณไม่ต้องการให้รันตอนเปิดเครื่องได้

4. กรณีมีแอพรันอยู่เบื้องหลังมากเกินไป
จนทำให้แรมเต็ม คุณสามารถตตรวจสอบโปรเซสที่กำลังรันอยู่เบื้องหลังได้ผ่าน Activity Monitor แล้วปิดการทำงานของโปรเซสที่ไม่จำเป็น แต่ต้องระวังอย่าไปปิดโปรเซสของระบบจนทำให้เครื่องทำงานต่อไม่ได้ด้วย

5. กรณีบราวเซอร์เก็บแคชหรือประวัติท่องเว็บมากเกิน
โดยสามารถเข้าไปยังโฟลเดอร์แคชของบัญชีผู้ใช้ที่ ~/Library/Cachesและโฟลเดอร์แคชของระบบที่ /Library/Caches ซึ่งสามารถล้างข้อมูลแคชได้มากถึงหลายกิกะไบต์ ที่ช่วยให้เครื่องแมคเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดีการนั่งลบหรือปิดโปรเซสเองนั้นค่อนข้างเสี่ยงและลำบากพอสมควร จึงแนะนำให้ใช้ทูลสำเร็จรูปในการจัดการงานพวกนี้แทนจะดีกว่า

ที่มา : Blog.TrendMicro

บทความก่อนหน้านี้Lenovo เรียกคืนเครื่องมาตรวจ พร้อมให้ระวังปัญหา ที่อาจทำให้เครื่องเกิดไฟไหม้ !!บทความถัดไปบริษัทซื้อขายเงินดิจิตอล Coincheck ของญี่ปุ่นถูกแฮ็กไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์ฯ

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากผู้เขียน

เชิญร่วมงาน เวิร์กช้อป Apple @ Work Seminar – Why Mac for Developers

Apple และ Samsung โดนเล่นงานคู่ กรณีคลื่นวิทยุในระดับที่ “ไม่ปลอดภัย”

การบินไทยแจ้งเตือน! ห้ามนำ MacBook Pro 15 นิ้ว ปี 15-17 ขึ้นเครื่องบิน!

Apple, Microsoft, Foxconn ร่วมลงนามในกองทุนมูลค่าแสนล้านกับ SoftBank

เอสเอพี จับมือ Apple ใช้เทคโนโลยี แมชชีน เลิร์นนิ่ง ช่วยสร้างแอพพลิเคชั่น

วิธีสร้าง AirPods อย่างง่ายด้วยตนเองภายในงบแค่ 4 ดอลลาร์ฯ

พบช่องโหว่ Zero-Day บน macOS ที่ปล่อยให้แฮ็กเกอร์ทะลุมาได้

แฮ็กเกอร์ใช้ไฟล์ .exe ฝังมัลแวร์กระจายบนเครื่องแมคทั่วโลก

ใครใช้ iPhone ระวังแอพแอบส่องหน้าจอพวกนี้ให้ดี

10 วิธี เร่งความเร็วให้ Mac ทำงานได้เร็วเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่

moonlightkz

54

A-A+

แม้ว่า Mac จะเป็นระบบปฏิบัติการที่มีชื่อเสียงด้านความเสถียรภาพสูงมาก แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นไม่มีสิ่งไหนที่สมบูรณ์แบบ เครื่อง Mac เองก็เช่นกัน เมื่อเราใช้มันเป็นระยะเวลานานๆ มันจะเริ่มมีการเก็บสะสมไฟล์ขยะเอาไว้เป็นจำนวนมาก ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่อง มาดูขั้นตอนการแก้ปัญหาเพื่อทำให้ Mac ของเรากลับมาทำงานได้ลื่นเหมือนเก่า

1. ใช้โปรแกรมล้างไฟล์ขยะช่วย

วิธีแรกเป็นวิธีง่ายๆ แต่ได้ผล ติดอย่างเดียว คือ โปรแกรมนี้มีราคา $39.95 (ประมาณ 1,390 บาท) นั่นก็คือ การซื้อโปรแกรม CleanMyMac 3 มาใช้ มันเป็นโปรแกรมสารพัดประโยชน์สามารถล้างไฟล์ขยะและเร่งความเร็วให้กับเครื่อง Mac ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม มันสามารถลบไฟล์ขยะ, แคช, ลบโปรแกรมที่หนักเครื่อง และมีตัวเลือกในการตั้งค่าเพื่อเร่งความเร็วเครื่อง (คล้ายๆ กับ CCleaner ของ Windows ) แค่ไม่กี่คลิก เครื่องเราก็จะโล่งขึ้นกว่าเดิมเยอะ

2. ใช้ Activity Monitor หาต้นตอของสาเหตุที่เครื่องช้า

หากเราไม่ต้องการซื้อ CleanMyMac มาใช้ หรือต้องการปรับแต่งด้วยตนเอง เราสามารถใช้งานโปรแกรม Activity Monitor ในการหาต้นตอของปัญหาด้วยตนเองได้ ด้วยการเรียกใช้จากในโฟลเดอร์ Utilities โดย Activity Monitor จะแสดงให้เราเห็นว่าในขณะนี้มีแอปฯ หรือโปรแกรมไหนที่ทำงานอย฿่บ้าง พร้อมกับทรัพยากรที่โปรแกรมนั้นใช้งานอยู่ ซึ่งหากเราพบโปรแกรมที่ไม่จำเป็น ก็อาจจะตัดสินใจลบมัน เพื่อดึงทรัพยากรเครื่องกลับมาใช้งาน

หรือหากไม่ต้องการลบ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานมันในขณะนั้น ก็ให้คลิกตรง CPU ดับเบิ้ลคลิกที่โปรแกรมดังกล่าวเพื่อปิดโปรแกรมให้หยุดทำงานไปก่อนได้

3. ลดการแสดงผลแบบโปร่งใสและเอฟเฟคการเคลื่อนไหว

การแสดงผลแบบโปร่งใส และเอฟเฟคเคลื่อนไหวเวลาแสดงผล ทำให้ตัว OS มีความสวยงามและน่าใช้มากขึ้น แต่มันก็แลกมาด้วยการใช้ทรัพยากรในการทำงานสูงขึ้นด้วยเช่นกัน หากเครื่องของเราเก่าแล้ว การปิดเอฟเฟคเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ Mac ของเราทำงานได้เร็วขึ้น

วิธีการก็ง่ายๆ ไปที่ System Preferences >> Accessibility ตรง Display ติ๊ก Reduce Transparency.

4. ปิดการเข้ารหัสไฟล์ FileVault Disk

หากคุณใช้ Mac ระบบปฏิบัติการ OS X Yosemite หรือใหม่กว่า ฟีเจอร์ FileVault disk encryption จะถูกตั้งไว้เป็นค่าเริ่มต้น ความสามารถของมัน คือ การเข้ารหัสไฟล์เพื่อป้องกันการเข้าถึงไฟล์ ในกรณีที่เราทำเครื่องหาย ซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากทีเดียว แต่ในการเข้ารหัสไฟล์นี้จะใช้ทรัพยากรเครื่องในการทำงานมากพอสมควร ทำให้เครื่อง Mac เปิดช้าลง

หากเราต้องการปิดฟีเจอร์นี้เพื่อให้เครื่องเราทำงานได้เร็วขึ้นก็ทำได้ด้วยการไปที่ System Preferences >> Security & Privacy แล้วปิด FireVault

5. ปิด Startup Programs

เราสามารถตั้งให้ Mac เปิดโปรแกรมที่เรากำหนดไว้ให้ทำงานอัตโนมัติในทันทีที่เปิดเครื่องได้ แต่บางโปรแกรมที่เราไม่ใช้ ก็ถูกเปิดขึ้นมาด้วยซะงั้น

วิธีปิดโปรแกรมตอนเริ่มต้นเครื่องก็ไม่ยากครับ ไปที่ System Preferences >> Users & Groups ดูตรง Login Items. ติีกปิดโปรแกรมหรือแอปฯ ที่ไม่ต้องการให้ทำงานออก

6. ปิด Spotlight Indexing

Spotlight เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก แต่คนที่ผมรู้จักส่วนใหญ่กลับไม่นิยมใช้กันซะงั้น ซึ่งตัว Spotlight  จะทำมีการทำ Index  ไฟล์เอาไว้เป็นประจำ เพื่อความเร็วในการค้นหา 

หากเราไม่ใช้งาน Spotlight ก็สามารถปิดการทำ Index ไฟล์ ได้ครับ ด้วยการเปิดโปรแกรม Terminal command แล้วใส่คำสั่งด้านล่างนี้ลงไปครับ

sudo launchctl unload -w /System/Library/LaunchDaemons/com.apple.metadata.mds.plist

ใส่รหัสผ่านของเราลงไป

หากต้องการตั้งค่าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ให้ใช้คำสั่งด้านล่างนี้แทน

sudo launchctl load -w /System/Library/LaunchDaemons/com.apple.metadata.mds.plist

7. ปิดการทำ Photos Index

ใน macOS Sierra มีฟีเจอร์ Facial recognition เพิ่มเข้ามาใน  Photos ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราทำการค้นหารูปภาพที่ต้องการได้ง่ายมาก แต่ก็เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ใช้ทรัพยากรเครื่องสูงทีเดียว หากเรามีรูปภาพเยอะๆ

เราสามารถปิดการจัด Index ของ Photos ได้ง่ายๆ ด้วยการเปิดแอปฯ Photos ขึ้นมา แล้วกดปิดไป จากนั้นเปิด Activity Monitor มองหา Photos แล้วปิด Process ซะ

8. ทำให้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์เหลือเยอะขึ้น

หาก Startup disk ของเราพื้นที่เหลือน้อย มันจะส่งผลต่อการทำงานของระบบด้วยนะครับ หากเราใช้ macOS Sierra ให้คลิกไปที่ไอคอน Apple >>  About My Mac ตรง Storage ให้เราคลิก Option เพื่อเปิด Storage management tool ขึ้นมาจัดการกู้คืนพื้นที่ด้วยเครื่องมือที่มีให้เลือก

ทั้งนี้หากเราไม่ได้ใช้ macOS Sierra ให้ใช้ Disk Inventory X ในการจัดการลบไฟล์แทน

9. การรีเซ็ตตัวควบคุมการจัดการระบบ (SMC) บน Mac ใหม่

เวลาที่ Mac ของเรามีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ จุกจิก หรือช้าแบบแปลกๆ การรีเซ็ต SMC อาจจะทำให้เครื่องเรากลับมาเป็นปกติได้ครับ

การรีเซ็ต SMC บนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค Mac

ก่อนอื่น ให้พิจารณาว่าแบตเตอรี่สามารถถอดได้หรือไม่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค Mac ที่มีแบตเตอรี่แบบถอดไม่ได้ ได้แก่ MacBook Pro (ต้นปี 2009) และใหม่กว่า, MacBook Air ทุกรุ่น, MacBook (ปลายปี 2009) และ MacBook (Retina 12 นิ้ว ต้นปี 2015) และใหม่กว่า

หากแบตเตอรี่ไม่สามารถถอดออกได้ ให้ทำดังนี้

  1. ปิดเครื่อง Mac
  2. ถอดอะแดปเตอร์แปลงไฟ MagSafe หรือ USB-C ออกจากคอมพิวเตอร์
  3. ใช้คีย์บอร์ดในตัวในการกด Shift-Control-Option ทางด้านซ้ายของคีย์บอร์ด แล้วกดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องไปพร้อมกัน กดปุ่มเหล่านี้และปุ่มเปิด/ปิดเครื่องค้างไว้เป็นเวลา 10 วินาที
    หากคุณมี MacBook Pro ปี 2016 ที่มี Touch ID ปุ่ม Touch ID จะทำหน้าที่เป็นปุ่มเปิด/ปิดเครื่องด้วย
  4. ปล่อยปุ่มทั้งหมด
  5. ต่ออะแดปเตอร์แปลงไฟอีกครั้ง
  6. กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องอีกครั้งเพื่อเปิดเครื่อง Mac

หากแบตเตอรี่สามารถถอดออกได้ ให้ทำดังนี้

  1. ปิดเครื่อง Mac
  2. ถอดอะแดปเตอร์แปลงไฟ MagSafe ออกจากคอมพิวเตอร์
  3. ถอดแบตเตอรี่
  4. กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องค้างไว้เป็นเวลา 5 วินาที
  5. ใส่แบตเตอรี่และต่ออะแดปเตอร์แปลงไฟ MagSafe กลับเข้าไปใหม่
  6. กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องเพื่อเปิดเครื่อง Mac

การรีเซ็ต SMC บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป Mac

ทำตามขั้นตอนเหล่านี้สำหรับ iMac, Mac mini, Mac Pro และ Xserve

  1. ปิดเครื่อง Mac
  2. ถอดสายไฟ
  3. รอ 15 วินาที
  4. เสียบสายไฟกลับเข้าไปใหม่
  5. รอ 5 วินาที แล้วกดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องเพื่อเปิดเครื่อง Mac

สำหรับคอมพิวเตอร์ Xserve ที่ใช้ Intel ซึ่งไม่ตอบสนอง คุณสามารถปิดระบบที่ตัวเครื่องหรือโดยใช้คำสั่งจากระยะไกล นอกจากนี้ คุณยังสามารถปิดเครื่องโดยกดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ห้าวินาที

(อ้างอิงจาก https://support.apple.com/th-th/HT201295)

10. ลบ Flash ออก

ทุกวันนี้ Flash เป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะตายแล้ว เนื่องจากใช้ทรัพยากรในการทำงานสูงและความปลอดภัยต่ำ ซึ่งเบราว์เซอร์ทั้ง Chrome และ Safari ได้ปิดกั้นการทำงานของ Flash เป็นค่าเริ่มต้น แต่เราอาจจะยังมีแอปฯ บางตัวที่ใช้เทคโนโลยี Flash ทำงานอยู่ในเบื้องหลัง ให้เราใช้แอปฯ อย่างเช่น AppCleaner ในการค้นหาและลบไฟล์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ Flash ออกไปให้หมด
ที่มา : www.iphonehacks.com

admin

Share
Published by
admin

Recent Posts